Passive Income เป็นการที่เราสามารถหารายได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องออกแรงในการหาเงิน เมื่อคุณไม่มีแรงทางานแล้วก็ยังสามารถมีรายได้ให้คุณใช้จ่าย ต่างจาก Active Income เช่น งานประจาที่เราจาเป็นที่จะต้องไปทางานทุนวันเพื่อที่บริษัทจะจ่ายเงินเดือนให้เรา
Passive Income สามารถหาได้ในหลายรูปแบบ เช่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย แต่สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ เงินปันผลจากหุ้นที่เราซื้อมา
หุ้นปันผลเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการฝากประจำแล้ว อัตราผลตอบแทนของหุ้นปันผลในลักษณะของปันผลสูงกว่ามากเลยทีเดียว ยิ่งในยุคปัจจุบันผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากไม่ถึง 2 %
และเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มีหลายมุมที่น่าสนใจ
อย่าแรก การซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินจำนวนมาก เพื่อที่จะสามารถเป็นเจ้าของได้ ถ้าหากเราไม่มีเงินทุนมากพอเราจำเป็นที่จะต้องกู้เงินธนาคารเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่สาหรับหุ้นแล้วเราสามารถที่จะทยอยเข้าซื้อหุ้นได้
เราไม่จำเป็นต้องเลิกงาน Active Income
งานทุกงานเป็นงานที่มีเกียรติ แต่ต้องแลกมาด้วยการออกแรงที่มาก สาหรับผมแล้วผมไม่มีความจาเป็นต้องเลิกทางานที่ตัวเองรักถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ผมสามารถทางานที่ผมรักหลังจากนั้นแบ่งเงิน 10% ถึง 20% ของเงินเดือนมาลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อที่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อผมแก่ตัวลงไม่สามารถหาเงินได้จากการทางาน ก็ยังมีเงินปันผลที่ทาให้ผมสามารถมีเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
แถมเมื่อเราสามารถมีเงินได้จากเงินปันผลเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องงาน Active Income อีกต่อไป เราสามารถทำงาน Active Income เพื่อตอบสนองด้านอื่นมากกว่าเงิน ทำให้งานเกิดคุณภาพมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าจะมีหมอหลายๆคนเปิด คลินิกรักษาคนไข้โดยไม่คิดเงิน ทนายความว่าความให้กับครอบครัวที่มีฐานะยากจน และอีกหลายๆอาชีพที่ทางานโดยไม่หวังเงินอีกต่อไป เพราะพวกเขาสามารถมีรายได้เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว
นี่แหละครับคือความสำคัญของการที่เราต้องมีรายได้จาก Passive Income โดยเฉพาะการสร้าง Passive Income จากหุ้นปันผลที่เราสามารถสร้างได้ แค่มีเวลาติดตามข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุนสัก 10 -20 ตัว
ทำไมต้องลงทุนหุ้นปันผล?
สูงสุดคืนสามัญ การก่อตั้งบริษัทเริ่มต้นเดิมทีแล้วก็เพื่อที่จะระดมทุนกิจการนาไปลงทุนแล้วสร้างผลกำไรนำมาแบ่งให้ผู้ถือหุ้น นั่นคือการลงทุนที่แท้จริง สามารถทำให้มหาเศรษฐีทาเงินได้โดยไม่ต้องต้องทำงานอีกต่อไป
หลายๆ ครั้งมีคนมาแนะนาการลงทุนประเภทอื่น ๆ ให้ผมไปลงทุนเช่น อสังหาริมทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในรูปของค่าเช่า แต่สาหรับผมแล้วคิดว่าการลงทุนในหุ้นปันผลจะสามารถตอบโจทย์ชีวิตผมและคนทั่วไปมากกว่าด้วยเหตุผลสำคัญคือ เราสามารถลงทุนที่ไหน เวลาไหนก็ได้ ทาให้การลงทุนง่ายมากยิ่งขึ้น
หลายๆ คนอาจจะเถียงว่า ตลาดหุ้นมีเวลาเปิด ปิด เราต้องซื้อขายหุ้นในช่วงที่ตลาดเปิดเท่านั้น แต่เขาลืมไปว่าเราสามารถตั้งซื้อหุ้นก่อน ที่จะตลาดเปิดได้
สำหรับอสังหาริมทรัพย์นั้น ต้องการที่จะมีการใส่ใจดูแลทั้งในเรื่องของการเก็บค่าเช่า การเอาใจใส่ผู้เช่า การหาผู้เช่า และหลายๆคนคงจะเห็นจากกระทู้บนเว็บออนไลน์ อย่าง Pantip ที่มักจะลงกระทู้ว่าผู้เช่าทาลายทรัพย์สินเสียหาย ค่าเสียหายยังไม่คุ้มค่าเช่าเลย
ทีนี้หลายๆคนคงสงสัยว่าทำไมไม่เลือกหุ้นที่มีโอกาสการเพิ่มขึ้นของราคาแทนที่จะเน้นการได้รับเงินปันผล เพราะเงินปันผลต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถึง 10%
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนหุ้นที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วนั้น จะประกอบด้วยกัน 2 กลุ่ม
– หุ้นปั่น
– หุ้นเติบโต
หุ้นปั่นคือการที่มีคนพยายามสร้างราคาซื้อขาย ใช้ความโลภของนักลงทุน หลังจากนั้นก็ทำราคาหลอกให้เหมือนว่านักลงทุนเข้ามาซื้อกันเยอะ แต่อันที่จริงก็แค่กลุ่มเดียวกัน นักลงทุนมือใหม่ดันเข้าไปร่วมด้วย หลังจากนั้นก็ขายหุ้นราคาแพงให้รายย่อยไป ทำให้รายย่อยเสียหาย
หุ้นเติบโตคือหุ้นที่คาดหวังว่ากำไรจะเติบโตได้ในอนาคต แต่ด้วยความที่ใช้ความคาดหวังในอนาคตทำให้หุ้นมักมีราคาที่แพงกว่าปกติ เมื่อจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ไม่สามารถทำได้อย่างคาดหวัง ราคาหุ้นมักจะหล่นลงมาอย่างรุนแรง
***ผมไม่ได้บอกว่าเราไม่สามารถทำกาไรกับหุ้นทั้งสองประเภทได้ แต่สำหรับผมผมมองว่าหุ้นทั้งสองประเภทผมรับความเสี่ยงไม่ไหว หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา
หุ้นปันผลก็ยังเติบโตได้อยู่
หลายคนเข้าใจผิดว่าหุ้นปันผลเป็นหุ้นที่ไม่มีโอกาสที่จะเติบโตแล้ว สำหรับหุ้นปันผลนั้นเป็นการนำผลกำไรของบริษัทมาแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น แต่หุ้นในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ไม่ได้นำกำไรทั้งหมดมาปันผล จะนำกาไรมาส่วนหนึ่งมาปันผลเท่านั้น อีกส่วนหนึ่งบริษัทยังคงเก็บไว้นากาไรไปต่อยอดทาให้กิจการเติบโตได้
การที่บริษัทยังคงสามารถสร้างการเติบโตได้และจ่ายปันผลได้พร้อมกันนั้นแสดงถึงความสามารถของผู้บริหารบริษัทที่สามารถนำเงินที่เหลือจากการปันผลไปลงทุนที่คุ้มค่า ต่างจากหุ้นที่เน้นการเติบโตอย่างเดียวไม่ปันผลให้ผู้ถือหุ้นต้องใช้กำไรทั้งหมดมาหมุนเวียนเพื่อจะเติบโตได้
หุ้นปันผลสร้าง Passive income ได้
Passive income คือการที่เราไม่ต้องไปจัดการบริหารอะไรมากมาย แต่ก็คงยังเฝ้าติดตามบ้าง ต่างจาก Active Income ที่เราต้องเข้าไปจัดการบริหาร ลงแรงเพื่อให้ได้รายได้กลับมา ผมจึงชอบหุ้นปันผลมากเพราะสามารถให้รายได้ผมตลอดทุกปีโดยที่ผมไม่ต้องลงแรงอะไรมาก
จริง ๆแล้วแนวทางการลงทุนแต่ล่ะคนจะแตกต่างกัน แล้วแต่นิสัยใจคอแต่ล่ะคนด้วย แม้แต่นักลงทุนระดับต้นๆของประเทศก็ยังมีแนวทางการลงทุนที่แตกต่างกัน สำหรับผม ผมชอบการลงทุนในหุ้นปันผลมากกว่าหุ้นเติบโต
อัตราปันผลตอบแทน = เงินปันผลต่อหุ้น (ต่อปี) x 100 / ราคาหุ้น |
ตัวอย่าง หุ้นทำการจ่ายเงินปันผล 5 บาท หุ้นราคา 100 บาท ดังนั้น จะมีอัตราปันผลตอบแทน 5 เปอร์เซ็น