เจาะลึกส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s Equity)

Author:
ช่วยแชร์ต่อนะครับ

เจาะลึกส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s Equity)

ส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ส่วนของเจ้าของเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าอันที่จริงแล้ว ใน ฐานะผู้ถือหุ้นแล้วเรามีส่วนทรัพย์สินเท่าไหร่กันแน่ เพราะว่าอย่าลืมว่า ถ้าเรากู้เงินมาซื้อทรัพย์สินในบริษัทเยอะหากไม่ชำระหนี้สิน สินทรัพย์ก็ จะถูกยึดไป แต่ถ้าเรามีส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s Equity)เยอะหรือไม่มีหนี้สินเลย นั่นก็ แสดงว่าเราเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นแบบไม่ต้องกลัวว่าใครจะมายึด ทรัพย์สินเรา ผู้

ส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s Equity) ประกอบไปด้วย

ทุนจดทะเบียน

 การตั้งบริษัทต้องจดทะเบียนตามกฎหมายกับกรมพัฒนาธุรกิจ ที่มีทั้งจำนวนหุ้นและมูลค่าหุ้นทำให้เกิดทุนจดทะเบียน สำหรับมูลค่าหุ้นเราจะเรียกว่า ราคา Par เพราะเป็นต้นทุนหุ้นสำหรับ นักลงทุนยุคแรกเลย

ทุนที่ออกและชำระแล้ว

ทีนี้การดำเนินธุรกิจไปเรื่อย ๆ บริษัทจะต้องการเงินทุนเพิ่มทำให้บริษัท หาทางเพิ่มเงินทุนโดยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้น รวมทั้งการหาเงินลงทุนจากการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ด้วย ทำให้เงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเรื่อย และจะมาปรากฏ การเพิ่มขึ้นในทุนที่ออกและชำระแล้วเพิ่มขึ้นจากการหาเงินทุนบริษัท เพิ่มขึ้น ยิ่งเพิ่มทุนด้วยวิธีต่างๆในส่วนของทุนที่ออกและชำระแล้วยิ่ง เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันทางบริษัทตัดสินใจใช้เงินบริษัทไปซื้อหุ้นคืน จะทำให้ทุน ที่ออกและชชำระแล้วลดลง

ส่วนเกินมูลค่าหุ้น

การขายหุ้นหรือการหาเงินทุนวิธีต่างๆ เช่น การจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์จะมีการมอบหุ้นให้แก่คนที่จ่ายเงินเพิ่มทุน แต่โดยปกติ การบันทึกบัญชีจะบันทึกในราคาต้นทุนเดียวกับการก่อตั้ง

ยกตัวอย่าง

เริ่มต้นมีการลงทุนจากผู้ถือหุ้นรุ่นแรกจะระดมทุนโดยแบ่งหุ้นเป็น 1,000,000 หุ้น และมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาท (ราคา Par)

หลังจากนั้นมีการเพิ่มทุนโดยประกาศเพิ่มทุนหุ้นมูลค่าหุ้นล่ะ 3 บาท จำนวน 1,000,000 หุ้น ท าให้ราคาแตกต่างกันเกิด ส่วนเกินมูลค่าหุ้นขึ้น 2 บาท จำนวน 1 ล้านหุ้น ต้องไปบันทึกเป็นส่วนเกินมูลค่าหุ้น ในทางกลับกันถ้าเพิ่มทุนราคาต่ำกว่า 1 บาท ต้องบันทึกเป็นส่วนต่ำมูลค่าหุ้น

กำไรสะสม

กำไรสะสมเกิดจากการที่บริษัททำกำไร พอได้กำไรมาแล้วบริษัทสามารถเลือกได้ว่าจะน าเงินมาปันผลหรือเก็บไว้ลงทุนต่อดี

พอตัดสินใจแล้ว หลังจากจ่ายเงินปันผลหรือไม่จ่ายกำไรส่วนนี้จะเป็นกำไรสะสมสำหรับบริษัทสามารถนำไปใช้จ่าย ถือว่าเป็นทุนส่วนหนึ่งของบริษัทในทางกลับกันถ้าบริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ และขาดทุนเรื่อย ๆก็จะกลายเป็นขาดทุนสะสมแทนสำหรับส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s Equity)นั้นการเพิ่มขึ้นจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นกับว่าส่วนผู้ถือหุ้นมาจากส่วนไหน ถ้ามาจากการที่บริษัทสามารถทำกำไรได้มากๆแล้วย่อมส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว แต่ถ้าการเพิ่มขึ้นมาจากการรบกวนผู้ถือหุ้นในการเพิ่มเงินเพื่อใช้ดำเนินการบริษัทต้องติดตามเข้าไปอีกว่าผู้บริหารสามารถใช้เงินตรงนั้นในการทำกำไรได้มากแค่ไหน

error: Content is protected !!