ความแตกต่างระหว่างการประกันชีวิตกับการฝากเงินธนาคาร
มีการสอบถามข้อมูลมาจำนวนมากว่าประกันชีวิตสามารถทดแทนการฝากเงินธนาคารได้หรือไม่ และทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างไร ทำให้วันนี้ผมเลยได้มาทุนสรุปเป็นข้อ ๆ พบว่ามีความแตกต่างกันคร่าว ๆ ประมาณ 5 ข้อหลัก
ความคุ้มครอง
การประกันชีวิตและการฝากเงินกับธนาคารสามารถใช้ในการเก็บออมทรัพย์สินได้เช่นเดียวกัน แต่ทว่าประกันชีวิตสามารถให้การคุ้มครอง จากการเสียชีวิต หากทุพพลภาพ โดยจะได้รับเงินออมทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ในทางกลับกันการฝากเงินกับธนาคารหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่สามารถมีเงินออมได้เนื่องจากขาดรายได้ นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อครบกำหนดประกันชีวิตสามารถได้รับเงินออมกลับคืนมาได้
สภาพคล่อง
การฝากเงินกับธนาคารจะสามารถได้รับเงินทันทีเมื่อมีการถามไถ่ถอนเงินออกมา แต่ประกันชีวิตจะต้องครบกำหนดสัญญาเสียก่อนถึงจะได้รับเงินกลับมา หากวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญาจะได้รับเงินตามจำนวนเงินได้เพียงที่ได้ระบุมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์
สิทธิทางภาษี
ดอกเบี้ยธนาคารจะเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15 เปอร์เซ็น และไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับประกันชีวิตเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ไม่ต้องเสียภาษี นอกจากนั้นยังสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สำหรับเบี้ยประกันชีวิต
การคุ้มครองเงิน
เงินฝากธนาคารจะมีสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามพระราชบัญญัติ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ 2551 เพื่อคุ้มครองผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินในกรณีสถาบันการเงินซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองถูกปิดกิจการ ประกันชีวิตจะมีกองทุนประกันชีวิตผู้เอาประกันภัย ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณีที่บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาต
หน่วยงานที่กำกับดูแล
ธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลธนาคาร สำหรับประกันชีวิตมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำกับดูแล
จะเห็นได้ว่าประกันชีวิตกับการฝากธนาคารมีความแตกต่างกันพอสมควร อาจจะมีลักษณะคล้ายกันบางอย่างเช่น การสะสมออมทรัพย์สิน แต่ทั้งนี้เป้าหมายหลักของประกันชีวิตคือการที่คุ้มครองคุณภาพชีวิตของเราหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และคุ้มครองคุณภาพชีวิตครอบครัวหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้เราเสียชีวิตไป