ฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) ประเมินความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ทั่วโลก

Author:
ช่วยแชร์ต่อนะครับ

ฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) คือบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และลอนดอน สหราชอาณาจักร ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1913 โดย จอห์น นอลส์ ฟิทช์ (John Knowles Fitch) ถือเป็นหนึ่งในสามบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมกับ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s Investors Service) และ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส โกลบอล เรทติ้งส์ (Standard & Poor’s Global Ratings) โดยทั้งสามบริษัทนี้ครองส่วนแบ่งตลาดการจัดอันดับความน่าเชื่อถือรวมกันกว่า 90% ทั่วโลก

หน้าที่หลักของฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) คือการประเมินความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการชำระหนี้ตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขที่ตกลงไว้ โดยตราสารหนี้อาจอยู่ในรูปแบบของพันธบัตร หุ้นกู้ ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้อื่นๆ ส่วนผู้ออกตราสารหนี้อาจเป็นบริษัทเอกชน สถาบันการเงิน หรือแม้แต่รัฐบาล

ในการประเมินความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางการเงิน ความสามารถในการชำระหนี้ และแนวโน้มในอนาคตของผู้ออกตราสาร ตัวอย่างปัจจัยที่นำมาพิจารณา ได้แก่ สภาพคล่องทางการเงิน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน กำไรสุทธิ กระแสเงินสด อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง จากนั้น ฟิทช์ เรทติ้ง จะให้คะแนนความน่าเชื่อถือ ซึ่งแสดงเป็นสัญลักษณ์ตัวอักษร เพื่อบ่งบอกถึงระดับความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้นั้นๆ

ความหมายของอันดับความน่าเชื่อถือของฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) มีดังนี้

AAA: อันดับสูงสุด แสดงถึงความน่าเชื่อถือสูงสุด มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำที่สุด ผู้ออกตราสารหนี้มีศักยภาพในการชำระหนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

AA: อันดับสูง แสดงถึงความน่าเชื่อถือสูง มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ผู้ออกตราสารหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีมาก

A: อันดับปานกลาง แสดงถึงความน่าเชื่อถือปานกลาง มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ปานกลาง ผู้ออกตราสารหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีในระดับที่น่าพอใจ

BBB: อันดับต่ำกว่าปานกลาง แสดงถึงความน่าเชื่อถือต่ำกว่าปานกลาง มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น ผู้ออกตราสารหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ในระดับปัจจุบัน แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ

BB: อันดับต่ำ แสดงถึงความน่าเชื่อถือต่ำ มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง ผู้ออกตราสารหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่มีความไม่แน่นอนสูง

B: อันดับต่ำมาก แสดงถึงความน่าเชื่อถือต่ำมาก มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงมาก ผู้ออกตราสารหนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้

CCC: อันดับต่ำที่สุด แสดงถึงความน่าเชื่อถือต่ำที่สุด มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงที่สุด ผู้ออกตราสารหนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะผิดนัดชำระหนี้

อันดับความน่าเชื่อถือของฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเป็นเครื่องมือช่วยประเมินความเสี่ยงในการลงทุนในตราสารหนี้ นักลงทุนมักใช้ข้อมูลอันดับความน่าเชื่อถือประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ นอกจากนี้ อันดับความน่าเชื่อถือยังมีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมของผู้ออกตราสารหนี้ด้วย โดยทั่วไป หากอันดับความน่าเชื่อถือสูง จะทำให้ผู้ออกตราสารสามารถกู้ยืมเงินได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ในทางกลับกัน หากอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ จะทำให้ผู้ออกตราสารต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิทช์ เรทติ้ง และอันดับความน่าเชื่อถือได้ที่เว็บไซต์ของฟิทช์ เรทติ้ง: https://www.fitchratings.com/

นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ การที่ฟิทช์ เรทติ้ง เข้าไปจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้กับตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ในประเทศเหล่านี้ ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับตลาด ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม อันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์ เรทติ้ง เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงเท่านั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น ข้อมูลทางการเงินของบริษัท งบการเงิน ผลประกอบการ และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เป็นต้น

สรุปได้ว่า ฟิทช์ เรทติ้ง (Fitch Ratings) เป็นองค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่มีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินโลก โดยทำหน้าที่ประเมินความเสี่ยงของตราสารหนี้ ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสม และส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก

error: Content is protected !!