กองทุนรวม Active Fund คือ กองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ลงทุนตามดัชนีชี้วัด แต่จะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพเป็นผู้วิเคราะห์ คัดเลือก และตัดสินใจเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ให้กับกองทุน โดยมีเป้าหมายในการบริหารจัดการให้ผลตอบแทนของกองทุนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) หรือเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ เช่น หากกองทุนกำหนดดัชนีชี้วัดเป็น SET Index ผู้จัดการกองทุนก็จะพยายามบริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่า SET Index นั่นเอง ซึ่งกองทุนรวมประเภทนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด ยอมรับความเสี่ยงได้สูง และไม่มีเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยตนเอง
ลักษณะเด่นของกองทุน Active Fund มีดังนี้
การบริหารเชิงรุก: ผู้จัดการกองทุนจะมีบทบาทสำคัญในการบริหารกองทุน Active Fund โดยจะทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจ สภาวะตลาด อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ศักยภาพในการเติบโต ผลประกอบการ และมูลค่าที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนยังสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุน หรือซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ความยืดหยุ่นในการลงทุน: กองทุน Active Fund มีนโยบายการลงทุนที่เปิดกว้าง มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน สัดส่วนการลงทุน ประเภทหลักทรัพย์ และอุตสาหกรรมที่ลงทุนได้หลากหลายกว่ากองทุน Passive Fund เช่น สามารถลงทุนในหุ้นได้ทุกขนาด ตั้งแต่หุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง ไปจนถึงหุ้นขนาดเล็ก หรือแม้แต่ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองต่อการลงทุนและกลยุทธ์ของผู้จัดการกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุน
โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า: หากผู้จัดการกองทุนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความสามารถในการวิเคราะห์และคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ดี รวมถึงสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัดได้ อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต
ข้อควรพิจารณาในการลงทุนในกองทุน Active Fund มีดังนี้
ค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า: กองทุน Active Fund มักมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่ากองทุน Passive Fund เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่มากกว่า เช่น ค่าตอบแทนผู้จัดการกองทุน ค่าวิเคราะห์หลักทรัพย์ ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะถูกหักออกจากมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนควรพิจารณาค่าธรรมเนียมต่างๆ ของกองทุนประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนด้วย
ความเสี่ยงที่สูงกว่า: เนื่องจากผู้จัดการกองทุนต้องทำการคัดเลือกหลักทรัพย์เอง โดยอาศัยวิจารณญาณและดุลยพินิจของตนเป็นหลัก จึงอาจมีความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาดได้ ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และอาจต่ำกว่าดัชนีชี้วัดได้ นอกจากนี้ ผลตอบแทนของกองทุน Active Fund ยังมีความผันผวนมากกว่ากองทุน Passive Fund เนื่องจากการลงทุนที่เน้นการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าด้วย
ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน: ผลตอบแทนของกองทุน Active Fund อาจมีความผันผวน ไม่แน่นอน และอาจต่ำกว่าดัชนีชี้วัดได้ในบางช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถของผู้จัดการกองทุน สภาวะตลาด สภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยทางการเมือง สงคราม การแพร่ระบาดของโรคภัย หรือภัยพิบัติต่างๆ เป็นต้น
คำแนะนำ ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุน Active Fund ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของกองทุนอย่างละเอียด เช่น นโยบายการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต ค่าธรรมเนียม และความเสี่ยง เพื่อให้เข้าใจถึงลักษณะของกองทุน และมั่นใจว่ากองทุนนั้นๆ ตรงกับความต้องการของตนเอง รวมถึงควรเปรียบเทียบกองทุน Active Fund หลายๆ กองทุน เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด และที่สำคัญควรลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในระยะสั้น และเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว