เมื่อรถหาย สิ่งแรกที่ควรทำคือการตั้งสติ อย่าตกใจจนขาดสติ เมื่อตั้งสติได้แล้ว ให้รีบดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ทันที เพื่อเพิ่มโอกาสในการตามรถคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
1. แจ้งความ:
ไปที่สถานีตำรวจที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียง เพื่อแจ้งความรถหาย: การเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง จะทำให้คุณได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน และเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถที่หายไป
ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรถ เช่น ยี่ห้อ รุ่น สี ทะเบียนรถ และเวลาที่หาย: ยิ่งให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ละเอียดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนมากขึ้นเท่านั้น ควรเตรียมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับรถของคุณ เช่น ยี่ห้อ รุ่น ปีที่ผลิต สี หมายเลขทะเบียน หมายเลขตัวถัง เลขไมล์ล่าสุด สถานที่ที่รถหาย เวลาที่คาดว่ารถหาย รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ เช่น ร่องรอยความเสียหาย หรือสิ่งของที่อยู่ในรถ เป็นต้น
รับบันทึกประจำวันจากตำรวจไว้เป็นหลักฐาน: บันทึกประจำวันนี้เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถที่หายไป เช่น การติดต่อบริษัทประกันภัย หรือการติดต่อหน่วยงานอื่นๆ
2. ติดต่อบริษัทประกันภัย (ถ้ามี):
แจ้งบริษัทประกันภัยว่ารถหาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการเคลมประกัน: แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบโดยเร็วที่สุด โดยแจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์ วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งหมายเลขกรมธรรม์ และเอกสารอื่นๆ ที่บริษัทประกันภัยร้องขอ
สอบถามขั้นตอนการเคลมประกันภัยรถหาย: สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นสำหรับการเคลมประกันภัยรถหายกับทางบริษัทประกันภัยของคุณ
3. ติดต่อศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์:
โทร 1192 เพื่อแจ้งเหตุรถหาย: แจ้งข้อมูลรถที่หายให้กับเจ้าหน้าที่ เช่น ยี่ห้อ รุ่น สี ทะเบียนรถ และเวลาที่หาย
4. ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง:
จ.ส. 100 โทร 1137: แจ้งข้อมูลรถที่หาย เพื่อให้ช่วยกระจายข่าวสาร
สวพ. 91 โทร 1644: แจ้งข้อมูลรถที่หาย เพื่อให้ช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ
5. ตรวจสอบกล้องวงจรปิด:
หากมีกล้องวงจรปิดบริเวณที่รถหาย ลองตรวจสอบเพื่อดูว่ามีใครต้องสงสัยหรือไม่: กล้องวงจรปิดอาจบันทึกภาพคนร้าย หรือรถที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
6. ติดตามข่าวสาร:
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับรถหายทางสื่อต่างๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูลรถหายที่ตรงกับรถของคุณหรือไม่: ตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ข่าว หรือช่องทางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. ติดต่อผู้ที่อาจทราบ:
สอบถามเพื่อนบ้าน หรือผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงว่าเห็นรถของคุณหรือไม่: สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถที่หาย เช่น เห็นรถครั้งสุดท้ายเมื่อใด มีใครอยู่ใกล้รถบ้าง หรือมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่
ข้อควรระวัง
อย่าหลงเชื่อผู้ที่เสนอความช่วยเหลือในการติดตามรถหาย โดยไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ: อาจเป็นมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาหลอกลวง
ระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัวแก่ผู้อื่น: เพื่อป้องกันการถูกแอบอ้าง หรือถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
หมายเหตุ: การแจ้งความและติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการติดตามรถที่หายไปได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มโอกาสในการติดตามรถคืนมาได้มากขึ้น
การทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างรวดเร็วและมีสติ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดตามรถที่หายไปได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงในการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การป้องกันไว้ก่อน ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมรถยนต์ ควรจอดรถในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ติดตั้งสัญญาณกันขโมย ล็อครถทุกครั้ง แม้จะจอดรถในเวลาสั้นๆ และไม่ควรเก็บสิ่งของมีค่าไว้ในรถ
จำไว้ว่า ความไม่ประมาท คือ วิธีป้องกันที่ดีที่สุด