โรคร้ายแรงพบว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้คำนิยามไว้ทั้งหมด 50 โรค แต่ทั้งนี้พบว่า โรคมะเร็ง (Cancer) โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease : CAD) โรคหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) โรคหลอดเลือดสมอง (Major Stroke) โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Failure) คนเป็นกันเยอะมาก ๆ
ประกันโรคร้ายแรงจำเป็นจะต้องทำไหม ถ้ามีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ทำไมต้องเพิ่มประกันโรคร้ายแรงแยกต่างหากจากโรคทั่วไปที่รักษาไม่กี่วันก็หาย
คนทั่วไปคิดว่าโรคแทบทุกโรคได้รับความคุ้มครองอยู่แล้วจากประกันสุขภาพ บางคนมีประกันที่มีความคุ้มครองค่ารักษาถึงแปดหลักที่คิดว่าเพียงพออยู่ ไม่มีความจำเป็นจะต้องมีประกันโรคร้ายแรงเพิ่มมาอีก
การขาดรายได้เพียงระยะเวลาไม่นาน มักเกิดจากโรคทั่วไปรักษาเพียงไม่กี่วันก็หายแล้วกลับไปทำงานการายได้ได้เหมือนเดิม และต่อให้ถึงขั้นต้องผ่าตัด ก็กลับมาทำงานได้หลังจากการพักฟื้น ถึงแม้จะนานหน่อยแต่ก็ไม่กระทบรายได้มากเท่าไหร่
แตกต่างจากโรคร้ายแรง อย่างสิ้นเชิง โดยจะต้องรักษาระยะเวลาหลักหลายเดือน หลักปี หลักหลายปี แม้แต่บางคนจำเป็นต้องรักษาโรคนั้นไปจนกระทั่งเสียชีวิต
ในทุก ๆ เดือนเราจะมีค่าใช่จ่ายมากมายไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค้าจ่ายของลูก ๆ เราจะได้รับผมกระทบแค่ไหนหากเราไม่มีรายได้เลยให้ครอบครัว หากไม่สามารถทำงานได้หลายเดือน หรือหลายปีขึ้นมา
สิ่งที่จะตามมาเลยเมื่อเราเป็นโรคร้ายแรงคือการที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายตามมามาก ทั้งค่าเดินทางไปโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายการรักษา ค่าใช้จ่ายที่ต้องอยู่บ้านเฉยๆทำอะไรไม่ได้ ค่าจ้างคนดูแล ค่าหมอเฉพาะทาง ค่าอาหารที่บางทีจะต้องกินได้เฉพาะบางสิ่ง หากคนไข้มีปัญหาการขยับร่างกายไปที่ต่าง ๆ อาจจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยกันเลยทีเดียว
สิ่งสำคัญของประกันโรคร้ายแรงคือการที่ได้รับเงินมาเป็นก่อนใหญ่เลยทีเดียว สามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามที่ตนเองบริหารให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่จำเป็นที่จะต้องได้เงินแค่เพียงค่ารักษาในโรงพยาบาลตามบิลจ่ายสินไหมที่บริษัทประกันจ่ายเหมือนกับประกันสุขภาพ
ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีประกันโรคร้ายแรงไว้ หากเกิดโรคร้ายแรงขึ้นมาจะได้รับเงินที่มีความสำคัญที่สามารถใช้จ่ายทนแทนได้มากกว่าประสุขภาพนั่นเองโดยไม่เป็นภาระของครอบครัวที่เรารัก